ผ้าไหมจากบ้านโคกเมืองมีลักษณะพิเศษ คือ ความเรียบเนียนของผืนผ้าไหมที่ทออย่างประณีต เนื้อผ้าแน่น แต่เบาด้วยเส้นไหมที่ได้จากไหมที่เลี้ยงเอง การเลือกใช้สีย้อมมัดหมี่ที่นุ่มนวล นอกจากลวดลายโบราณตามขนบนิยมอีสานใต้ในการทอผ้าโฮลแล้ว ยังได้แรงบันดาลใจจากเสาหินของปราสาทเมืองต่ำจนเกิดเป็นลายเฉพาะท้องถิ่นที่เรียกว่า ลายผักกูด มีความอ่อนช้อย เกาะเกี่ยวกันอย่างกลมกลืน
ปราสาทเมืองต่ำเป็นปราสาทหินแบบบาปวนที่มีรูปแบบเก่าแก่ย้อนกลับไปถึงพุทธศตวรรษที่ 16 นับเป็นปราสาทหินในยุคแรกที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาองค์ศิวะเทพ และแม้ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐ ส่วนฐานสร้างจากศิลาแลง แต่หน้าบัน และเสาปราสาท กลับสลักเสลาด้วยหินทรายดูอ่อนช้อย กลมกลึง โดยเฉพาะเสาติดผนังที่โคปุระด้านทิศตะวันออกสลักเสลาเป็นลายก้านขด และต้นหนึ่งเป็นรูปสิงห์คายก้านต่อดอกขึ้นเป็นชั้น ๆ
ด้วยรูปแบบดังกล่าวได้เป็นแรงบันดาลใจไปสู่การออกแบบลายบนผืนผ้า ความพิเศษของเสาหินในปราสาทจึงไปปรากฏอย่างอ่อนช้อยบนผืนผ้าไหมที่ลื่นไหลราวกับสายน้ำ
เมื่อชาวบ้านโคกเมืองอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานบนที่ราบระหว่างภูเขาไฟโบราณสองลูกเมื่อ 70 ปีก่อนนั้น ปราสาทเมืองต่ำและบารายใหญ่ได้ถูกทิ้งร้างมานานหลายร้อยปีแล้ว การเข้ามาของชุมชน ในทางหนึ่งได้ทำให้ปราสาทหินโบราณอายุพันปีแห่งนี้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ความรกเรื้อได้ถูกถากถาง จนนำมาสู่การบูรณะตามหลักวิชาการในที่สุด
นอกจากได้ทำความเข้าใจเส้นทางของผ้าไหมอย่างครบวงจร บ้านโคกเมืองยังมีผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงลักษณะของชุมชน ซึ่งเป็นที่ลุ่ม มีหนองน้ำ จึงมีต้นกกอยู่มาก นำไปสู่การทอเสื่อกก และการปลูกข้าวหอมมะลิ ที่มีความพิเศษคือปลูกบนเนื้อดินภูเขาไฟ ทำให้ได้ข้าวที่มีความนุ่ม แต่หนึบ หอมมีเอกลักษณ์
บ้านโคกเมืองมีการจัดการด้านโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐาน และรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านความสะอาด เป็นสัดส่วน เมื่อรวมกับกิจกรรมในท้องถิ่น อาหารการกินตำรับอีสานใต้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการสัมผัสชุมชนท้องถิ่น
การเดินทางมาบ้านโคกเมืองสามารถเดินทางได้สะดวก ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 กิโลเมตรเศษ หรือเพียง 40 นาที มีเที่ยวบินทุกวัน จากปราสาทพนมรุ้งมีประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งในระหว่างวันที่ 3 – 5 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดปรากฏการณ์แสงตะวันแรกลอดช่องประตูทั้ง 15 บาน อันเป็นสัญลักษณ์ของการล่วงเข้าสู่ฤดูฝน หรือวสัตวิษุวัต จากนั้นมาชมปราสาทเมืองต่ำที่อยู่ห่างกันเพียงเดินทางไม่ถึงสิบนาที ซึ่งจะนำคุณไปสู่เรื่องราวที่เชื่อมร้อยปราสาทหินและผืนผ้าไหมเข้าด้วยกัน บนประสบการณ์ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เปรียบได้กับผู้พิทักษ์แห่งหมู่ปราสาท
บ้านโคกเมืองตั้งอยู่ที่ ต.จระเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ห่างจากตัวอำเภอประโคนชัยประมาณ 10 กม. ห่างจากจังหวัดบุรีรัมย์ 60 กม. และห่างจากปราสาทพนมรุ้ง 8 กม. โดยใช้เส้นทางบ้านกรวด – ปราสาทเมืองต่ำหรือประมาณ 400 กม. จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – ปักธงชัย – โชคชัย นางรอง – ประโคนชัย นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ ทุก ๆ วัน วันละ 5 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อยู่ห่างจากชุมชนเพียง 8 กม. จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่ไม่ควรพลาด
สำหรับแหล่งที่กินในละแวก อ.ประโคนชัย คือร้านบ้านพีท ในซอยสนมศิริฉาย อาหารไทยและอาหารฝรั่ง อีกร้านเป็นอาหารสไตล์ตะวันตกแบบนอร์เวย์ ชื่อ Sunshine Food and Beverage Bar เสิร์ฟสเต๊ก แฮมเบอร์เกอร์ และร้านสามหนุ่มมุมอร่อย ตั้งอยู่ตรงข้ามเทศบาลตำบลพนมรุ้ง ห่างจากชุมชน 17 กม.
ร้านอาหาร
ร้านสามหนุ่มมุมอร่อย โทร. 0 4462 8266
ที่พัก
กมลสิทธิ์ รีสอร์ต โทร. 08 9948 9182
รีสอร์ต พันไท โทร. 09 0447 8747
Smart Resort โทร. 08 1660 0968
กิ่งกรวดรีสอร์ต โทร. 0 4467 9284
ดอนงามรีสอร์ต โทร. 08 3799 0077
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่ม ติดต่อ
ผู้ใหญ่ประสิทธิ์ ลอยประโคน โทร. 096 796 6127
ผ้าไหมจากบ้านหนองแข้ ไม่เพียงมีความพิเศษในด้านความประณีต ทอด้วยลายแบบโบราณคือลายนกแอ่น ลายเครือสองข้อ และลายโคมห้า ยังย้อมด้วยสีธรรมชาติ โดยเฉพาะครามให้สีที่นุ่มนวล งดงาม ส่วนสีอื่น ๆ ได้แก่ ครั่ง เปลือกประโฮด เปลือกมะม่วง ก็ผ่านการผสมสีกับวัสดุจากธรรมชาติจนได้เฉดสีที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย
หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในแถบ อ.โคกศรีสุพรรณว่า “หมู่บ้านที่พระราชินีเสด็จฯ” เพราะสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ มาเป็นการส่วนพระองค์ถึง 3 ครั้ง เรื่องราวอันเป็นความปลื้มปิติและถูกเล่าขานในชุมชนนานร่วม 50 ปี ก็คือเมื่อคราวเสด็จสกลนครเมื่อปี 2518 นางไท้ แสนวงศ์ สวมใส่ผ้าไหมไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถตรัสชมว่า ผ้าสวยและทรงถามซื้อผ้าไหมจากนางไท้ ถึงกับพระราชทานฉลองพระองค์ไว้พร้อมกับรับสั่งว่า “ให้เสื้อไว้เพื่อมัดจำว่าฉันจะกลับมาซื้อผ้าไหมอีกจริง”
บนเรือนไม้โย้เย้แบบชาวบ้านในอีสาน ป้าทุ้มป้าไท้สองพี่น้องได้เชิญฉลองพระองค์นั้นขึ้นบนหิ้ง และบูชาด้วยดอกมหาหงส์
ผ่านมาอีก 2 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จฯ บ้านหนองแข้ ทรงพระดำเนินมายังเรือนของยายไท้ยายทุ้ม แสนวงศ์ สองพี่น้อง เพื่อทรงซื้อผ้าไหม และเสด็จฯมายังเรือนนี้อีกในปี 2523 และ 2525 และต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มายังเรือนป้าทุ้มป้าไท้นี้อีกด้วย ปัจจุบันเรือนประวัติศาสตร์หลังนี้ ถูกเก็บรักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ป้าทุ้ม-ป้าไท้ จัดแสดงเรื่องการทอ และย้อมผ้าไหมด้วยสีธรรมชาติ และเรื่องราวอันน่าปลื้มปิติของคุณยายสองพี่น้อง
ชาวบ้านหนองแข้ได้รวมกลุ่มทอผ้าไหมที่รักษาเอกลักษณ์ของผ้าไหมที่งดงามดังเช่นยายไท้ใส่ไปรับเสด็จในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะความลับสำคัญประการหนึ่งก็คือผ้าไหมที่ทอด้วยใยไหมจากตัวไหมพันธุ์พื้นเมือง ด้วยเหตุนี้ ไม่เพียงมีกลุ่มทอผ้า ชาวหนองแข้ยังสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับไหมอย่างครบวงจร ตั้งแต่ปลูกหม่อนเพื่อใช้เลี้ยงไหม และเลือกเฉพาะหนอนไหมผีเสื้อพันธุ์พื้นเมืองเท่านั้น พร้อมกับส่งเส้นไหมดิบไปยังศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เพื่อเป็นวัตถุดิบในการทอผ้าไหมให้กับนักเรียนศิลปาชีพด้วย
บ้านหนองแข้ จึงนับเป็นหมู่บ้านประวัติศาสตร์แห่งผ้าไหมอีสานแห่งหนึ่ง และเรื่องราวน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ นอกจากพิพิธภัณฑ์ที่เป็น เรือนไม้ยกพื้นแบบอีสานที่เรียบง่ายแล้ว ยังมีกิจกรรมเรียนรู้ด้านผ้าไหมอย่างครบวงจรที่มีรายละเอียดน่าสนุกให้ค้นหาได้ตลอดทั้งวัน โดยรอบหมู่บ้านเป็นทิวทัศน์ของท้องทุ่งข้าวกว้างสุดสายตา ที่งดงามมากโดยเฉพาะในยามอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า
จากกรุงเทพฯ มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ – สกลนครทุกวัน ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 10 นาที หรือเลือกเดินทางโดยรถยนต์ สกลนครห่างจากกรุงเทพฯ 650 กม. ใช้เวลาเดินทางราว 9 ชั่วโมง อาจต้องพักที่ตัวเมืองสกลนครก่อน จึงเดินทางไป
บ้านหนองแข้ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ระยะทางจากตัวเมืองสกลนครถึงบ้านหนองแข้ 34 กม. ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง
กราบพระธาตุเชิงชุม องค์พระธาตุคู่เมืองสกลนคร แล้วเดินชมผลิตภัณฑ์จากครามที่ถนนผ้าครามในช่วงเย็นถึงค่ำวันเสาร์และอาทิตย์ จากบ้านหนองแข้ มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง คือ อุทยานแห่งชาติภูผายล ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำห้วยหวด และน้ำตกผาผึ้งบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติและทุ่งดอกไม้เล็ก ๆ ในช่วงต้นหน้าหนาว
สำหรับที่ อ.โคกศรีสุพรรณก็มีที่พักเป็นรีสอร์ต หรือโรงแรมขนาดเล็ก ที่สะอาด และเงียบสงบให้เลือกพักได้ ส่วนร้านอาหาร ก็มีเพียงร้านอาหารตามสั่ง และส้มตำ อาหารพื้นบ้านแบบง่ายๆ เท่านั้น
แหล่งที่กินในละแวกบ้านหนองแข้ มีอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยว คือร้านแสนรักขายอาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยวโกเก นอกจากนี้มีร้านกาแฟ สเต๊ก และสลัด ชื่อร้านคอฟฟี่โฮม ปากทางเข้าโรงพยาบาลโคกศรีสุพรรณ ห่างจากชุมชนบ้านหนองแข้ราว 8 กม. และร้านบ้านชากาแฟ ซอยหน้าโรงเรียนร่มเกล้า ห่างจากชุมชนราว 5 กม.
ร้านอาหาร
ก๋วยเตี๋ยวโกเก @โคกศรีสุพรรณ โทร. 09 0920 7970
ที่พัก
บ้านทอฝัน รีสอร์ต โทร. 06 2226 9938
บ้านถนอมทิพย์ Love Family โทร. 09 6271 2258
ดาริณ รีสอร์ต โทร. 0 4276 6145
โรงแรมศรีสุพรรณ โทร. 09 5672 7609
บ้านสวน รีสอร์ต โทร. 08 1965 3346
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่ม ติดต่อ
ประชาสัมพันธ์กิจกรรมชุมชนบ้านหนองแข้
แม่วาสเมือง ปะระคะ โทร. 08 8563 5394
กิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนดอนคา เป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนรู้วิถีเกษตรแบบพึ่งตนเองและวิถีวัฒนธรรมชาวไทยทรงดำที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ ต.ดอนคา และสืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี นับจากชาวไทยทรงดำ หรือชาวลาวโซ่ง ถูกกวาดต้อนจากดินแดนสิบสองจุไทมาตั้งถิ่นฐานในแถบถิ่นราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ตอนต้นรัชสมัยรัชกาลที่ 3
ชื่อไทยทรงดำได้มาจากเครื่องแต่งกายสีดำ หรือครามเข้ม ชุดของผู้หญิงเรียกว่าเสื้อก้อม เป็นเสื้อแขนกระบอก คอตั้ง ผ่าหน้าติดกระดุมเงิน 15 – 18 เม็ด นุ่งซิ่นสีน้ำเงินเข้ม หรือดำ มีลายทางลงสีขาว เรียกว่า “ซิ่นลายแตงโม” โดยเสื้อผ้าของชาวไทยทรงดำนั้น ได้มาจากการปลูกฝ้ายนำมาปั่นเป็นเส้นใย ย้อมสีเข้ม ทอด้วยกี่พื้นบ้าน ก่อนจะตัดเย็บด้วยมือทั้งหมดจึงเป็นชุดประจำตัวที่มีคุณค่า และเนื่องจากทั้งชุดเป็นสีเข้ม เรียบๆ จึงนิยมคาด “ผ้าเปี่ยว” ซึ่งเป็นผ้าคาดอก หรือผ้าสไบ ผืนยาว หน้าแคบ ปักลวดลายที่ชายทั้งสองด้าน
ผ้าเปี่ยวจึงป็นผ้าที่เห็นได้บ่อย ใช้ได้สารพัดประโยชน์ มีลวดลาย สีสัน ที่บอกได้ถึงความเป็นชาวไทยทรงดำ และเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนไทยทรงดำดอนคาด้วย โดยเรียกว่าผ้าเปี่ยวไหมดำ
กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนดอนเอ๋ยดอนคา จะพาไปรู้จักการทอผ้าเปี่ยวไหมดำ ด้วยกี่พื้นบ้าน รูปแบบการใช้งานต่างๆ นอกจากนี้จะมีกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันสำหรับครอบครัวในชุมชนวิถีเกษตรไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องธรรมชาติ ไปเยี่ยมชมสวนชมพู่ทับทิมจันทร์ต้นแบบ ซึ่งเป็นสวนแบบอินทรีย์ที่มีกระบวนการปลูก และเก็บผลผลิตแบบเก่า เป็นสวนยกร่อง ได้ชมพู่ลูกสวยหวาน อร่อย และปลอดภัย เยี่ยมชมสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ นำมะม่วงสุกเหลืองหอมมาปั่นสมูทตี้สูตรของเราเอง จากนั้นไป ชมสวนกล้วยไม้ และเก็บดอกกล้วยไม้มาร้อยเป็นช่อดอกไม้ ฟาร์มปลากระเบนสวยงามที่เลี้ยงในชุมชน รวมไปถึงเรียนรู้การทำนา และทำความคุ้นเคยกับเจ้าควายเผือกสีชมพูแสนเชื่อง
ชุมชนดอนคา ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 70 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางบรมราชชนนี นครปฐม อ.บางแพ หรือห่างจากตัวเมืองราชบุรี 35 กม.
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ สามารถกำหนดเป็นเส้นทางแบบวงรอบ โดยใช้เส้นทาง อ.บางแพ ชมค้างคาวนับล้านที่วัดเขาช่องพราน พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน ตลาดของกินแสนอร่อยที่ อ.โพธาราม และขับรถเลียบแม่น้ำแม่กลอง ผ่านตลาดเจ็ดเสมียน มายังอุทยานหินเขางูและหอศิลป์ Tao Hong Tai ที่ตัวเมืองราชบุรี
ในย่านชุมชนดอนคามีแหล่งที่กินเป็นร้านอาหารไทย โดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำสด ๆ เพราะเป็นแหล่งเลี้ยงกุ้งแม่น้ำ ทั้งร้านคุณติ๋มที่เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อ หรือบ้านนายซัน ช.กุ้งเผา ถ้าอยากชิมขนมถ้วยโบราณที่นึ่งบนเตาถ่าน รสกลมกล่อมต้องร้านขนมถ้วยเจ๊แป๊ะ สำหรับร้านกาแฟ มีร้าน M&N Coffee ตลาดบางแพ ร้านเล็ก ๆ แต่กาแฟ ชาเขียวอร่อย และร้านกาแฟบ้านทิวสน บรรยากาศดี นั่งสบาย
ที่พัก
บางแพรีสอร์ต โทร. 06 2425 4635
บ้านสุขพันธ์โพธาราม (บ้านโพธิ์๑) โทร. 08 5995 1441
กระท่อมสาธุ โทร. 06 2494 6424
สวนศิลป์บ้านดิน รีสอร์ต โทร. 0 3239 7668
โพธาราม 126 รีสอร์ต โทร. 06 2184 9666
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่ม ติดต่อ
คุณสุวรรณา ทรัพย์พืชผล โทร. 081 936 4995
ชาวบ่อกรุ มีความภาคภูมิใจในความเป็น “ลาวครั่ง” ที่ลงหลักปักฐานบนที่ราบใหญ่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามานานกว่า 2 ศตวรรษ และแม้กาลเวลาล่วงเลยไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงจนขนบวิถีหลายต่อหลายอย่างค่อย ๆ สูญหายไป แต่ยังมีสิ่งที่ชาวบ่อกรุยังรักษาเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นก็คือ ภาษาพูด และอัตลักษณ์ที่แสดงให้ประจักษ์ในรูปของการแต่งกาย โดยเฉพาะสตรีซึ่งอยู่บนฐานภูมิปัญญาในการทอผ้า ซึ่งใช้เทคนิคชั้นสูง และกลายเป็นเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ที่ทุกคนจดจำได้
ชุมชนชาวลาวครั่งบ้านบ่อกรุนี้ หมายถึงหมู่บ้านต่าง ๆ ใน ต.บ่อกรุ โดยเฉพาะบ้านบ่อกรุ และบ้านป่าสะแก ที่ตั้งอยู่ติดกัน
ลาวครั่ง มิได้เป็นชื่อกลุ่มชนที่นิยมการนุ่งซิ่นย้อมครั่งสีแดง แต่เป็นคำเรียกผู้คนที่มีถิ่นฐานอยู่ในละแวกภูครัง ทางตอนใต้ของหลวงพระบาง และต่อมากร่อนคำจนเหลือเพียงลาวครัง หรือลาวครั่ง ในที่สุด เช่นเดียวกับที่เรียกชาวลาวที่มาจากเมืองเวียงจันทน์ว่า ลาวเวียง ลาวครั่งจึงบอกถึงรากเหง้าในด้านถิ่นฐานที่มา มิใช่การเรียกกลุ่มชาติพันธุ์
ในทางภาษาศาสตร์ ชาวลาวภูครัง มีสำเนียงเหน่อเสียงสูงแบบหลวงพระบาง ไชยบุรี และใกล้เคียงกับสำเนียงของไทเลย ด่านซ้าย ชาติตระการ เมืองพิษณุโลก ซึ่งนับแต่โบราณก็มีเส้นทางค้าขายไปหามาสู่กัน และยังเป็นย่านที่มีการส่งครั่งเข้ามาเป็นบรรณาการด้วย
ผ้าทอของลาวครั่ง โดยเฉาะที่บ้านบ่อกรุ เป็นผ้าฝ้ายทอ ใช้สีแดงเป็นหลัก ผู้ชายค่อนข้างเรียบง่าย มีผ้าขาวม้าตารางหมากรุกทอ 5 สีคาดพุง แต่ของผู้หญิงจะมีความวิจิตรบรรจงจากการทอด้วยเทคนิคชั้นสูง เป็นการผสมผสานระหว่างการย้อมมัดหมี่ แล้วนำไปทอจนได้ลายที่มีความอ่อนช้อยเหมือนกับสายน้ำ และการทอด้วยการจก ที่มีลวดลายตามแบบแผนโบราณ โดยในผ้าผืนเดียวกัน จะนำลายมัดหมี่และตีนจกต่อกันด้วยการทอขิตลักษณะเป็น ลายทางเล็กๆ คั่นรูปแบบทั้งสองอย่างกลมกลืนโดยสีแดงชาดนั้นจะปรากฏเป็นลายซิ่นที่ชายผ้าที่เรียกว่า ส่วนตีนซิ่นนั่นเอง
ปัจจุบันซิ่น และผ้าทอลาวครั่งบ่อกรุที่เป็นของเก่าแก่ได้ถูกรวบไว้ที่วัดบ่อกรุ เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงภายในชุมชน และยังเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาชม รวมทั้งยังเปิดเป็นศูนย์กลางผ้าทอบ่อกรุ เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย
ชาวลาวครั่งมีความผูกพันในหมู่เครือญาติอย่างยิ่ง และยังคงรักษาวัฒนธรรมนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นโดยจะมีงานประเพณียกธง ที่จัดในช่วงสงกรานต์จึงเรียกรวมว่าประเพณียกธงสงกรานต์ ชาวลาวครั่งจากทุกสารทิศจะกลับมาพบปะกัน โดยแต่งกายในชุดประจำท้องถิ่นอย่างเต็มที่ เป็นภาพที่ละลานตาน่าประทับใจ พร้อมกับการทำธงติดตั้งที่เสาคันธงเพื่อประกวดกัน นอกจากงานประเพณียกธงแล้ว ชาวลาวครั่งบ่อกรุ ยังพร้อมใจกันแต่งกายในงานบุญใหญ่ เช่น ในช่วงวันเข้าพรรษา ออกพรรษา และงานประเพณีไหว้พระธาตุเดือนสาม
ชุมชนบ่อกรุ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 160 กม. ใช้เส้นทาง อ.บางบัวทอง- สุพรรณบุรี – อ.ศรีประจันต์ – อ. สามชุก และ อ.เดิมบาง ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง นับเป็นวิธีเดินทางที่สะดวกที่สุด
นอกจากชุมชนลาวครั่งบ้านบ่อกรุแล้ว ในละแวกใกล้เคียงมีแหล่งท่องเที่ยวคือบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ไม่เพียงเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ยังเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานผักพื้นบ้านสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ และที่พลาดไม่ได้ก็คือสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวาก
ร้านอาหารโดยมากจะอยู่ในย่านบึงฉวาก ได้แก่ ร้านลายไม้ ร้านชะลอปลาเผา นอกจากนี้ก็มีที่ย่านตลาดเก่าท่าช้าง ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีริมแม่น้ำท่าจีน ร้าน Tha Chang Vintage ร้านกาแฟและอาหารไทย และ 2Sit Café ร้านกาแฟเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมถนนใกล้ตลาดเดิมบางนางบวช หาง่าย
ร้านอาหาร
ครัวริมคลอง โทร. 08 6167 7653
ร้านบุญมี โทร. 09 2589 6717
ที่พัก
บ้านภัณฑิรา รีสอร์ต โทร. 08 0658 8566
Sis guesthouse โทร. 08 9183 3359
ท่าช้างวินเทจ โทร. 08 5288 7993
โรงแรมในสวนอินน์ โทร. 08 3239 8882
บ้านฟ้าใส รีสอร์ต โทร. 08 1616 0248
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่ม ติดต่อ
คุณกาญจลักษณ์ ภาเรือง ประธานศูนย์การเรียนรู้ผ้าทอมือลาวชี-ลาวครั่ง บ้านตาดสะแก
โทร. 08 9920 8279
พิพิธภัณฑ์ศูนย์วัฒนธรรมลาวครั่ง บ้านบ่อกรุ คุณนก โทร. 08 7167 9293
ผ้าทอจากชุมชนทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง เกิดจากการรวมตัวกันในรูปกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อ สร้างสรรค์ผ้าฝ้ายทอมือที่มีความโดดเด่น แตกต่างไปจากผ้าฝ้ายทอจากแหล่งอื่นไม่เพียงเน้นความประณีตของผืนผ้า แต่ยังให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เกิดจากการประยุกต์ลวดลายโบราณให้เข้ากับการออกแบบร่วมสมัยอย่างกลมกลืน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ในทุกโอกาส
ผ้าฝ้ายทอหนองบัวแดงใช้เส้นฝ้ายเข็นมือจากฝ้ายที่ปลูกเองแบบออร์แกนิกส์ ไม่ใช้สารเคมี และย้อมด้วยสีจาก พืชพันธุ์ธรรมชาติที่ผ่านการคิดค้น ทดลองจนได้สีที่หลากหลาย แต่มีเฉดสีที่เป็นตัวของตัวเองแตกต่างจากการใช้สีเคมี เช่น สีเหลืองได้จากแก่นขนุน ครามจากต้นคราม ดำ น้ำตาลแก่จากลูกมะเกลือ สีแดงสดจากครั่ง รวมไปถึงการหมักโคนเพื่อให้ผ้ามีความนุ่มนวล และด้วยกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน และมีเรื่องราว จึงเป็นที่สนใจ และเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น
ชุมชนหนองบัวแดง ไม่เพียงเน้นการทอผ้าเท่านั้น แต่ยังริเริ่มวิถีการเกษตร และการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ด้วยการปลูกพืชผักกินเองแบบไม่ใช้สารเคมี ทำนาอินทรีย์ และริเริ่มใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การใช้เตาชีวมวลที่ให้ความร้อนสูง ประหยัดเชื้อเพลิง
การมาเยือนชุมชนทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง จึงไม่เพียงได้มาเลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายที่สวยงามมีเอกลักษณ์ เรียนรู้การทำเส้นใยฝ้าย เทคนิคการย้อม ไปจนถึงออกแบบตัดเย็บ แต่ยังรวมไปถึงการเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รับประทานอาหารที่ร่วมกันปรุงขึ้นจากวัตถุดิบที่ปลอดภัยหาได้จากในท้องถิ่น
แม้จะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจกรรมอยู่ในชุมชน แต่ระยะเวลา 2 วัน 1 คืนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและสนุกสนาน นอกจากนี้ หากเดินทางมาในฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวสวรรค์ในอุทยานแห่งชาติไทรทอง ไม่ไกลจาก อ.หนองบัวแดงมากนักกำลังบานเต็มทุ่ง หยอกล้อกับหมอกฝน และแนวเทือกเขาอันเป็นขอบของที่ราบสูงโคราช หรือจะเลือกไปแคมปิ้งในดงหินใหญ่สีขาวที่งดงามแปลกตาที่อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ขี่จักรยานชมธรรมชาติ ตกค่ำ ถ่ายภาพกับทางช้างเผือกในคืนที่ฟ้าโปร่ง
การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือรถทัวร์ ออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำ ไปถึงชัยภูมิในตอนเช้าตรู่ หรือรถทัวร์ของบริษัทเพชรประเสริฐทัวร์ เส้นทางกรุงเทพฯ – หนองบัวแดง สามารถนัดให้ชุมชนมารับได้เลย หากขับรถไปเอง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 380 กม.
จากชุมชนหนองบัวแดงมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจในละแวกใกล้เคียงคืออุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่มีมอหินขาว เป็นชุดชมทิวทัศน์ของหมู่หินสีขาวขนาดใหญ่เรียงรายบนภู อากาศเย็นสบาย และทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งจะบานพร้อมกันในช่วงกลางฤดูฝน
ชัยภูมิเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายหม่ำ หรือไส้กรอกตำรับอีสานที่ขึ้นชื่อ ส่วนร้านอาหารใน อ.หนองบัวแดง เป็นอาหารอีสานรสแซ่บ ได้แก่ ร้านตำแซ่บบัวแดง ตองสามอาหารป่า อยู่ห่างจากชุมชนเพียง 5 นาทีเท่านั้น อีกร้านที่ขึ้นชื่ออยู่นอกเมือง บนเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บรรยากาศดี คือร้านลุงวีระโภชนา
สำหรับร้านกาแฟ มีร้าน T&I Coffee & Milk นอกจากกาแฟและนมแล้ว ยังมีอาหารเช้า ไข่กระทะ ปาท่องโก๋ยัดไส้ และโจ๊กอีกด้วย
ร้านอาหาร
ร้านตำแซ่บบัวแดง โทร. 09 6135 8553
ที่พัก
เฟิร์ส อินน์ รีสอร์ต โทร. 09 8584 7787
แวววาวห้องพัก โทร. 09 9937 4799
บ้านนา รีสอร์ต หนองบัวแดง โทร. 08 3370 7871
โรส รีสอร์ต โทร. 08 0153 4225
อภิญญารีสอร์ต โทร. 08 1076 6191, 08 5027 7629
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่ม ติดต่อ
วิสาหกิจชุมชนทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง
คุณอนัญญา เค้าโนนกอก ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ โทร. 09 2325 4655
คุณศศิกุล อ่อนเสวียน รองประธานวิสาหกิจชุมชนฯ โทร. 08 9840 7242