บ้านกระแชงเป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำน้อยซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ลำน้ำมีความคดเคี้ยวไหลผ่านที่ราบภาคกลางจากชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครอยุธยา และไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่ อ.บางไทร
ที่ตั้งบ้านกระแชงเป็นที่ลุ่มต่ำปลายลำน้ำ แม่น้ำน้อยไหลค่อนข้างตรง มีเวิ้งน้ำและแนวไม้ร่มรื่น ทำให้บรรดาเรือมอญ หรือเรือกระแชง ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ มีประทุนใช้เดินทางค้าขายเป็นระยะทางไกลๆ มาจอดพัก และต่อมาได้ตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร จึงถูกเรียกว่า บ้านกระแชง ตามลักษณะเรือค้าขายของชาวมอญที่ผ่านมาจอดเป็นจำนวนมาก
บ้านกระแชง เป็นชุมชนเกษตรกรรมที่มักเผชิญกับน้ำหลากอยู่เสมอ การปลูกสร้างบ้านจึงเป็นเรือนยกพื้นสูง และมักมีเรือผูกอยู่ใต้ถุนกันแทบทุกบ้าน นับเป็นภูมิปัญญาของชาวน้ำในที่ราบภาคกลางที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กระแสน้ำยังไหลช้าและเอ่อท้นเพราะใกล้ปลายน้ำที่บรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะสองน้ำเช่นนี้เองที่ทำให้มีกุ้งแม่น้ำชุกชุม ชาวกระแชงจึงมีความเชี่ยวชาญในการพายเรือตกกุ้งซึ่งมีขนาดใหญ่ และสดมาก กุ้งย่าง น้ำปลาหวานสะเดา หรือเพียงจิ้มน้ำจิ้มพริกโขลก กระเทียม มะนาว น้ำปลาก็อร่อย ไม่เพียงเป็นเมนูรับแขกขึ้นหน้าขึ้นตา แต่ยังบอกเล่าเรื่องราวทางธรรมชาติของชุมชนที่เชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดี
ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านกระแชงมีฐานกิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กๆ และครอบครัวให้มาเรียนรู้แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว การหาอยู่หากิน เช่น การทำนาดำในที่ราบภาคกลาง การเพาะเห็ดในโรงเรือน เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาหารโปรตีน การทำขนมไทย และอาหารการกินประจำภาคกลาง จนถึงการต่อเรือกระแชงจำลองตามความเป็นมาของท้องถิ่น เรื่องราวการเรียนรู้ทั้งหมดนั้น สามารถเชื่อมโยงไปสู่ชุดความรู้อื่นๆ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การปรับตัวของชุมชนในที่ราบลุ่มจนเกิดเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ออกมาบนความอิ่มหนำ
การเรียนรู้นอกห้องเรียนจะช่วยให้เราเข้าใจ และชุมชนกระแชงก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างการเรียนรู้อันแสนพิเศษที่กลมกลืนและกลมกล่อม
การเรียนรู้ที่แท้จริง อาจไม่ใช่การเรียนรู้ในเรื่องยากๆ ที่ไกลตัว หากเป็นการเรียนรู้จากเรื่องง่ายๆรอบๆ ตัว ที่เชื่อมโยงไปสู่สภาพแวดล้อม
ศูนย์การเรียนรู้ตำบลกระแชง อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 50 กม. ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ประมาณ 1 ชั่วโมง เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือทางพิเศษอุดรรัถยา หรือทางด่วนปากเกร็ด – บางปะอิน โดยลงที่ด่านบางปะอิน
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงกับชุมชนกระแชง คือศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปหัตถกรรมชั้นยอดจากครูช่างทั่วประเทศ ทั้งงานผ้าทอต่าง ๆ โดยเฉพาะผ้าไหมชั้นเยี่ยม ผลิตภัณฑ์จักสาน งานแกะสลัก เครื่องเงิน ฯลฯ รวมทั้งยังเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพจากแหล่งผลิตอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพระราชวังบางปะอินที่ห่างออกไปประมาณ 27 กม. อันประกอบด้วยพระที่นั่งต่างๆ ที่งดงาม ใกล้กันเพียงชั่วคลองกั้นคือวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงและเป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบสถ์คริสต์
อาหารเด่นในย่าน อ.บางไทร คือกุ้งแม่น้ำสด ๆ ร้านแนะนำที่ไม่ควรพลาดคือร้านริมน้ำบางไทร ที่มีกุ้งแม่น้ำย่าง สายบัวสดผัดก้ามกุ้ง ทอดมันปลาน้ำเงิน ปลากราย อีกร้านคือร้านสี่แควกุ้งเผา และร้านกาแฟ ใกล้ ๆ กับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ชื่อร้านคาเฟ่ เดอ บางไทร เสิร์ฟกาแฟ และขนมปังปิ้ง
ร้านอาหารและกาแฟ
ก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณ ครัวกลาง โทร. 08 9611 3272
สวนอาหารครัวน้อง โทร. 03 528 9288
TRIFECTA โทร. 08 4015 0011
ที่พัก
Baan Sikuuk Bed and Breakfast โทร. 08 1930 0118
Bann Thai Kae Ook โทร. 08 4015 0887
บางปลาหมอ ริเวอร์ วิว รีสอร์ต โทร. 09 8507 6377
บ้านสวนริมน้ำสปา โทร. 0 3570 4440
โดม รีสอร์ต โทร. 08 1948 5610
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
ศูนย์การเรียนรู้ ต.กระแชง
ผู้ใหญ่ราตรี โทร. 09 8343 7940
ใช้แนวคิด “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” มาเป็นหัวใจแห่งการเรียนรู้และถ่ายทอดให้กับเด็ก ๆ จากโรงเรียนนานาชาติ หรือครอบครัวที่มีโอกาสเข้ามาสัมผัส
การท่องเที่ยวและเรียนรู้ที่บ้านทุ่งกระโปร่งจึงเป็นการเรียนรู้ที่อิ่มหนำไปพร้อมกับความสนุก
ชื่อแปลก ๆ ว่าบ้านทุ่งกระโปรงนั้น แท้ที่จริงเป็นการเกลื่อนกลายทางภาษาจากบ้านทุ่งกะปง ด้วยความเป็นทุ่งโล่งต่อกับชายป่าเขาใหญ่ ตกค่ำมักจะมีสัตว์ป่าขนาดใหญ่แอบลงมากินพืชผักที่ปลูกไว้ โดยเฉพาะช้าง จึงต้องใช้กะปง หรือเกราะไม้ไผ่เคาะไล่จนสนั่นไปทั้งบ้าน แต่คนรุ่นหลังไม่รู้จักกะปง เลยเรียกผิดความกลายเป็นทุ่งกระโปรงไป
ปัญหาจากสัตว์ป่าลงมากินพืชไร่ ทำให้ชาวบ้านเริ่มตระหนักว่า สิ่งที่ปลูกขายนั้นเป็นของกินไม่ได้ ยิ่งถ้าราคาตก ขายก็ขาดทุน หนำซ้ำเก็บไว้กินประทังชีวิตก็ไม่ได้ จึงริเริ่มไปสู่การปลูกไม้ผล ทั้งกระท้อน ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ผลไม้ที่เหมาะกับพื้นที่ชายป่าที่มีความชุ่มชื้น ขณะเดียวกัน ไม้ใหญ่ที่มีมาแต่ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปลูก ทั้งยางนา กระบกก็เก็บรักษาไว้เพื่อให้ร่มเงา
ระหว่างที่รอผลผลิตจากไม้ยืนต้น ก็หาแหล่งรายได้อื่นเสริมจึงปลูกผักกูดใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ อาศัยว่า ที่ดินผืนนี้มีระบบหมุนเวียนของน้ำที่ดี น้ำจึงใสสะอาด เหมาะกับผักกูดที่ต้องการน้ำหมุนเวียน บ้านทุ่งกระโปรงจึงกลายเป็นแหล่งปลูกผักกูดใกล้กรุง เป็นที่ต้องการของพ่อค้าแม่ค้าจนต้องมารับซื้อถึงบ้านทุกวัน
ผลไม้ที่ปลูกไว้ก็ปลูกด้วยวิธีตามธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เพราะใช้หลักการที่ว่าปลูกไว้กินเองก่อน ผลผลิตที่ได้จึงมีคุณภาพดี ปัจจุบันนี้ ทุเรียนหมอนทองป่าขะ เป็นทุเรียนที่ขึ้นชื่ออีกแหล่งหนึ่งของ จ.นครนายก
บ้านทุ่งกระโปรงจึงเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านการเกษตรที่เชื่อมโยงไปถึงระบบนิเวศสำหรับเด็ก ๆ และครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้มาเยือนในเรื่องอาหารการกิน โดยมีการเก็บหาพืชผักต่าง ๆ ทั้งผักกูด ผักติ้ว ผักกินใบนานาชนิดมากินกับน้ำพริกพื้นบ้านที่ปรุงเอง ในหน้าฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ก็มีผลไม้นานาชนิดให้เก็บหา รวมไปถึงเรียนรู้การทำกระท้อนสามรสของดีจากบ้านทุ่งกระโปรง
แม้จะเกี่ยวข้องกับการเกษตร และของกินหลากหลาย แต่เนื้อแท้แล้วเป็นการบอกเล่าเรื่องราวในธรรมชาติที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเป็นวงวัฏจักร ทั้งพืชพันธุ์และระบบน้ำ ดิน
ความสำเร็จพร้อมกับการรักษาไม้ใหญ่ในที่ดินบรรพบุรุษทั้งกระบก ยางนา และปลูกผักกูดในร่มเงาไม้ผลทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ กระท้อน มีกิจกรรมสนุกๆ มากมายในเรื่องอาหารการกินที่สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระบบดินและน้ำ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวใช้เส้นทางรังสิต – องครักษ์ – บ้านนา ระยะทางประมาณ 100 กม. จากตลาด อ.บ้านนา ใช้ทางหลวงหมายเลข 3222 บ้านนา – แก่งคอยอีก 7 กม. หรือใช้บริการรถตู้กรุงเทพฯ – นครนายกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิลงที่ตลาดบ้านนา
แหล่งท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียงเป็นที่เที่ยวธรรมชาติ คือน้ำตกกระอาง และน้ำตกโกรกอีดก
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมผจญภัยต่าง ๆ ภายในโรงเรียนนายร้อย จปร.
แหล่งที่กินใกล้เคียง คือก๋วยเตี๋ยวเป็ดบ้านนา เป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นและเป็ดพะโล้เจ้าเก่า ขายมานานกว่า 50 ปี อยู่ใกล้กับตลาดบ้านนา รวมทั้งขนมกุยช่าย เจ้าเก่าของตลาดบ้านนาคือร้านเจ๊หงอ ไส้กุยช่าย ไส้เผือก ไส้มันแกว เนื้อแป้งบาง น้ำจิ้มเข้มข้น
ร้านอาหารและกาแฟ
สวนอาหารดอนกระบก โทร. 03 738 2497
ครัวลุงเสริฐ โทร. 03 763 2379
V Bistro นครนายก โทร. 08 1865 0405
ที่พัก
เคียงฟ้ารีสอร์ต โทร. 08 9829 2299
บ้านนา รีสอร์ต โทร. 09 5929 2594
ณดล รีสอร์ต โทร. 09 4967 8448
บ้านสวนรีสอร์ต โทร. 09 8303 9095
ช่อมาลี รีสอร์ต โทร. 08 4877 0379
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งกระโปรง
ผู้ใหญ่สมหมาย เกตุแก้ว โทร. 09 8468 5499
ผู้ประสานงาน คุณหนึ่ง โทร. 08 6311 4804
เมื่อชุมชนโบราณกลางสวนมะพร้าวที่เงียบสงบได้เปลี่ยนมาเป็นห้องเรียนกลางแจ้ง นำเด็ก ๆ เรียนรู้ตั้งแต่เรื่องราวของมะพร้าว ดนตรีไทย วัดโบราณสมัยพระเจ้าตาก ไปจนถึงลม และน้ำ ผลลัพธ์ก็คือชีวิตชีวาที่กลับคืนมาสู่ร่องสวน
บ้านบางพลับเป็นชุมชนชาวสวนแห่ง อ.บางคนที ที่มีการตั้งถิ่นฐานมานานกว่า 200 ปี มีวัดโบราณคือวัดบางพลับ และวัดแก่นจันทร์เจริญ ซึ่งไม่เพียงมี “ต้นจัน” เก่าแก่อายุไม่น้อยกว่า 200 ปี ยังมีเสนาสนะแบบไทยภาคกลางแท้ๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระยาตากเป็นหลักฐาน
ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นแขนงต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนเพื่อถ่ายทอดความรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย โดยมีมะพร้าวเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และยังคงท้องร่องในขนัดสวนแบบดั้งเดิมเอาไว้ ฐานการเรียนรู้ภายในชุมชนของบ้านบางพลับซ่อนตัวอยู่ตามบ้านของ “ผู้รู้” แขนงต่าง ๆ ในชุมชน มีจักรยานเป็นพาหนะ พาเปลี่ยนคาบเรียน ไปได้ทุกห้องอย่างปลอดภัย เพราะถนนร่มรื่น มีรถยนต์น้อย
องค์ความรู้ดั้งเดิม คือการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวให้กลายเป็นน้ำตาลปึก ในสมัยโบราณจะบรรจุในหม้อดินเผาทรงแป้น ๆ เรียกว่าหม้อตาล การเคี่ยวน้ำตาลจะเริ่มตั้งแต่การปาดจั่น หรือช่อดอกมะพร้าวตัวผู้ให้น้ำหวานไหลรินออกมาช้า ๆ รองไว้ด้วยกระบอก ใส่ไม้ฝาดๆ เพื่อกันเสีย จากนั้นจึงเริ่มทำการเคี่ยวให้งวด ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง เตาก็เป็นเตาฟืนที่ออกแบบให้ประหยัดพลังงาน โดยใช้ทางมะพร้าว กาบ เปลือกแห้งเป็นเชื้อเพลิงเสร็จสรรพ
จากมะพร้าวกลายมาเป็นน้ำตาลหวานๆ ใช้ทำกับขนมหวาน และข้าวอร่อยกว่าน้ำตาลทราย กะลามะพร้าวยังกลายมาเป็นซอ เครื่องดนตรีไทยที่เป็นพระราชนิยมมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 2 เราจึงมาทำความรู้จักศาสตร์แห่งซอที่บ้านพญาซอ เพราะบางคนทีเป็นแหล่งมะพร้าวซอที่ต้องมีทรงผลพิเศษเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วเท่านั้นจึงจะถูกคัดมาทำได้
ชาวสวนบ้านบางพลับอยู่กับผลไม้มานานแสนนานจึงมีวิธีทำให้ผลไม้ “กลับชาติ” มาเกิดใหม่ จากที่เปรี้ยวจี๋จนไม่มีใครอยากลองชิมก็กลับกลายมาเป็นหอมหวานอร่อย วิธีชุบชีวิตก็คือการเชื่อม แช่อิ่ม ไม่เพียงหอมหวานแต่ยังสวยงามอีกด้วย หรือถ้าพิสดารกว่านั้น ผลไม้ยังกลายเป็นถ่านได้อีกด้วย เทคนิคของพี่สถาพรในการนำผลไม้สดๆ เหลือกินมาทำเป็นถ่านรูปผลไม้เอาไว้ช่วยดูดซับกลิ่น พร้อมกับตั้งโชว์ไปด้วยก็แสนเก๋
บางทีอยู่ที่บ้านบางพลับเราอาจได้ยินเสียงลมซู่ซ่าพัดยอดมะพร้าว ลุงอุดมจะพาเราไปรู้กับกระแสลมด้วยเครื่องมือที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องชอบแน่นอน เพราะคุณตาจะพาพวกเราทำว่าว และว่าวที่จะเล่นกันก็ไม่ใช่ธรรมดา แต่เป็นว่าวจุฬาตัวยักษ์ ว่าวปักเป้าเฉี่ยวโฉบที่จะบอกเราว่าฤดูนี้ลมกำลังพัดมาจากทิศไหน
เหนื่อยๆ จากกิจกรรมที่อัดแน่นในสวนร่มรื่น อย่าลืมแวะทักทายปู่ต้นจันที่หน้าวัดแก่นจันทร์ฯ ก่อนจะไปพักผ่อนที่เรือนโฮมสเตย์ หลับฝันดีในเสียงขับกล่อมของลมแม่น้ำ
การเดินทางโดยรถยนต์ ระยะทางเพียง 90 กม.เศษจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางถนนพระราช 2 เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
บ้านบางพลับอยู่ตรงคนละฝั่งแม่น้ำกับค่ายบางกุ้งซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ สามารถนั่งเรือข้ามแม่น้ำแม่กลองไปเที่ยวชมได้ เช่นเดียวกับอุทยาน ร.2 และตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่ห่างไปเพียงไม่ถึง 10 นาที
ในย่านนี้เป็นแหล่งที่กินขึ้นชื่อ โดยเฉพาะอาหารไทยและกุ้งแม่น้ำ ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำบรรยากาศน่าสบาย ได้แก่ ร้านไพลิน ริเวอร์เทอร์เรซ ใกล้กับวัดบางกุ้ง และร้านเจ้าสำราญ หรือถ้าต้องการอาหารจานด่วนจานเดียวง่าย ๆ ก็จั๊กเป็ดย่าง บางคนที ร้านเก่าบนเส้นทางตลาดน้ำอัมพวาไป อ.บางคนที
สำหรับร้านกาแฟ BambooThe Coffee Parlour เสิร์ฟกาแฟเอสเปรสโซ่พร้อมลาเต้อาร์ต และเครื่องดื่มเย็นนานาชนิด ร้านภพรักกาแฟก็มีทำเลที่น่านั่งชิล และร้านจีรัง
ร้านอาหาร
ครัวแพกุ้งแม่น้ำบางพรม โทร. 08 9410 2675
ร้านส้มตำบางพลับ โทร. 08 1575 3868
The Kittens Koffie Arts ‘n Eats โทร. 09 9971 7347
ที่พัก
สวนบ้านกัลปพฤกษ์ โทร. 08 2441 7429
บ้านนวลจันทร์ รีสอร์ต โทร. 0 3476 1597
มีพวา รีสอร์ต โทร. 08 6709 3305
River [email protected] โทร. 08 8000 9169, 08 6644 4648
บ้านทิพย์สวนทอง Baantip Suantong Resort โทร. 09 9362 3245, 09 6346 9496
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
ชุมชนบ้านบางพลับ
คุณทรงยศ แสงตะวัน โทร. 081 274 4433
บรรยากาศของชุมชนบ้านน้ำทรัพย์ทั้งอาคารโรงเรือน ที่พักโฮมสเตย์ สร้างด้วยรูปแบบของคาวบอยตะวันตก เมื่อเดินทางมาจากตัว อ.แก่งกระจาน ประมาณ 20 นาทีมาถึงบ้านน้ำทรัพย์ จึงราวกลับพลัดหลงเข้ามาในบรรยากาศ gold rush หรือยุคตื่นทองแต่คาวบอยแห่งบ้านน้ำทรัพย์ เป็นคาวบอยที่ขุดหาทองจากผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ในถิ่นฐานของตนเอง ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำทางด้านทิศเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน
จุดเริ่มต้นแห่งการเรียนรู้ที่บ้านน้ำทรัพย์เกิดขึ้นเมื่อผู้นำในชุมชนต้องการสร้างความกลมเกลียวขึ้นในหมู่บ้าน จึงริเริ่มทำโครง งานด้านวิถีเกษตรพึ่งตนเอง โดยน้อมนำเอาหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เมื่อในชุมชนได้ลงมือทำจนเกิดความรู้แล้ว จึงเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ขึ้น มุ่งเน้นการปรับตัวให้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
จุดเด่นของ “โรงเรียนคาวบอยพอเพียง” แห่งนี้ นอกจากฐานการเรียนรู้วิถีเกษตรธรรมชาติและพึ่งพาตนเองแล้ว ยังมีกิจกรรมขี่ม้า เมื่อขี่ได้อย่างคุ้นเคยแล้วก็จะมีโปรแกรมขี่ม้าออกลุยป่าท่องธรรมชาติรอบ ๆ หมู่บ้าน ซึ่งเป็นด้านเหนือที่อยู่ทางต้นน้ำของเขื่อนแก่งกระจาน ม้าที่นำมาเลี้ยง มีทั้งม้าพันธุ์พื้นเมืองและม้าขนาดใหญ่ที่ใช้งานในกองทัพมาก่อน ซึ่งที่บ้านน้ำทรัพย์เป็นสถานที่ฟื้นฟูและดูแลม้าเหล่านี้ จึงถูกนำมาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้ และมีการขี่ออกตรวจตราการลักลอบตัดไม้ในเขตป่าชุมชนอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้แก่ การทำถ่านไม้ น้ำยาสมุนไพรไล่แมลง ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และฮอร์โมนปลูกพืชเพิ่มผลผลิต การทำทองม้วน และแปรรูปผลไม้นานาชนิดแล้ว เด็ก ๆ ยังจะได้ทำความรู้จักม้าอย่างใกล้ชิด ทั้งการดูแล ให้อาหาร สร้างความคุ้นเคยระหว่างกัน หลังจากนั้นสามารถหัดขี่ม้าในลานฝึกขี่ม้า โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งมีความคุ้นเคยดีจึงสามารถออกขี่ม้าท่องป่าสัมผัสธรรมชาติ ซึ่งม้าเป็นสัตว์พาหนะที่เหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติอย่างยิ่งเพราะไม่ต้องใช้น้ำมัน และไม่ส่งเสียงดังมากนัก
เนื่องจากบ้านน้ำทรัพย์ ตั้งอยู่เหนือเขื่อนแก่งกระจาน ชาวบ้านมีความเชี่ยวชาญในการหาปลามาก่อน จึงมีกิจกรรมหาปลามาเป็นอาหาร และเลือกเก็บวัตถุดิบในท้องถิ่น ตลอดจนพืชผักอินทรีย์มาปรุงเป็นอาหารเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุกและครบวงจรด้วย
บ้านน้ำทรัพย์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอแก่งกระจานประมาณ 15 กม. สภาพเส้นทางยังเป็นป่าและพื้นที่เกษตรกรรม การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจึงน่าจะเหมาะสมที่สุดในการมาเยือนที่นี่ โดยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง 30 นาที ใช้เส้นทางถนนพระราม 2 ผ่านแยกวังมะนาว อ.เขาย้อย ตัวเมืองเพชรบุรี อ.ท่ายาง และ อ.แก่งกระจาน ซึ่งเป็นเส้นทางสายเก่าที่อ้อมกว่าเล็กน้อยแต่สภาพถนนดี และผ่านแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะพระนครคีรี
แหล่งที่เที่ยวในละแวกนี้ นอกจากแวะเที่ยวชมพระนครคีรีหรือเขาวังแล้ว ยังอาจใช้เวลาเดินชมความงามของวัดมหาธาตุวรวิหารที่มีงานปูนปั้นอันอ่อนช้อยฝีมือช่างเมืองเพชรร่วมสมัย และวัดใหญ่สุวรรณารามที่ประกอบด้วยงานชิ้นเอกของอยุธยา ในตัวเมืองเพชร ส่วนใกล้กับบ้านน้ำทรัพย์ก็คืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานที่มีกิจกรรมพายเรือ เล่นน้ำ ไปดูนก และเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
แหล่งที่กินในละแวก อ.แก่งกระจาน ห่างจากบ้านน้ำทรัพย์ ประมาณ 30 นาทีมีร้านอาหารตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน เมนูต้มยำปลา แกงป่า ปลาลวกเป็นเมนูขึ้นชื่อเพราะได้ปลาสด ๆ จากในเขื่อน ร้านเก่าแก่ในย่านนี้ ได้แก่ ร้านริมแก่ง ถัดไปคือร้านแก่งกระจานรีวิว ส่วนร้านกาแฟ มีร้านกาแฟสด@แก่งกระจาน บรรยากาศร่มรื่นริมของภายในเขื่อนแก่งกระจาน
ร้านอาหารและร้านกาแฟ
ร้านอาหารชายหาด โทร. 08 9258 8790
Little Forest Coffee House โทร. 09 8284 8231
ที่พัก
แก่งธาม ภูแพรว เลควิว โทร. 09 2773 5598
ไร่สุขแสงจันทร์ โทร. 0 3270 6079
แก่งกระจานรีสอร์ต แอนด์ ฟิชชิ่งพาร์ค โทร. 08 5405 5629
บ้านลุงยอด บังกะโล โทร. 0 3245 9078
บ้านพัก ธารทิพย์ แก่งกระจาน โทร. 08 7922 6187
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
ชุมชนบ้านน้ำทรัพย์
คุณชูชาติ วรรณขำ โทร. 092 947 5984 / 092 610 4835
ชุมชนท่องเที่ยว และเรียนรู้บ้านบุไทร ตั้งอยู่ในหุบเชิงเขาใกล้กับอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็นเขาใหญ่ ที่แห่งนี้เริ่มต้นจากความพยายามเพาะเห็ดหอม แต่เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม อากาศดี จึงได้รับการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในด้านการท่องเที่ยวชุมชนและเปิดเป็นโฮมสเตย์ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่อากาศเย็นสบาย วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เน้นการเกษตรกรรมยั่งยืนที่เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น การทำโรงเรือนเพาะเห็ดหอม และพัฒนาองค์ความรู้ให้ได้เห็ดหอมคุณภาพดีในสภาพพื้นที่ที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นตลอดทั้งปี การปลูกดอกเบญจมาศเพื่อส่งออก ผักสลัด และผักปลอดสารพิษต่าง ๆ สวนองุ่น สวนดอกหน้าวัว และการทำไร่นาสวนผสม
การปลูกพืชผักต่าง ๆ ได้ถูกนำมาประยุกต์เป็นกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับครอบครัว เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสสัมผัสสวนเกษตรแบบปลอดสารเคมี และได้มาลงมือทำจริงเหมือนกับชาวชุมชน โดยใช้รถอีแต๊กซึ่งเป็นน้องเล็กของรถอีแต๋นเป็นพาหนะในการลงในแปลงเกษตร และพักกับชุมชนที่เปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์โดยแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดเป็นส่วน เรียกว่าเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบชาวไร่อย่างแท้จริง
นอกจากความสนุกในแปลงผลผลิตแล้ว ยังมีโปรแกรมนำเด็ก ๆ ขึ้นไปยังจุดชมวิวผาเก็บตะวันที่งดงามขึ้นชื่อยามอาทิตย์อัสดง และสายหมอกที่ถูกกระแสลมหอบเขาปะทะใบหน้า ยิงลูกไม้มะค่าด้วยหนังสติ๊กส่งให้ลูกไม้ลิ่วไปงอกงามในหุบใหญ่เพื่อช่วยแพร่กระจายพันธุ์ไม้
ไปเดินป่าชมน้ำตกสวนห้อมและน้ำตกห้วยใหญ่ ซึ่งเป็นต้นน้ำของสายธารที่หล่อเลี้ยงแปลงเกษตรกรรมในหุบแห่งวังน้ำเขียว เป็นการเชื่อมโยงให้เห็นจากธรรมชาติมาสู่ชุมชน และไปซุ่มดูกระทิงที่เขาแผงม้า ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันการกลับมาของสัตว์ป่าเมื่อถิ่นอาศัยได้รับการฟื้นฟูและปลอดภัยจากการล่า
กิจกรรมการเรียนรู้ที่บ้านบุไทรจึงไม่เพียงพาเด็ก ๆ ไปสัมผัสบรรยากาศของการเรียนรู้จากการลงมือในด้านการเกษตรยั่งยืน แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงผืนป่าที่เป็นมรดกโลก ที่นำไปสู่ความเข้าใจในการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ การลดใช้สารเคมี ใช้เศษวัสดุจากการเกษตรที่หาได้ในท้องถิ่นมาหมักปุ๋ยแทน เป็นการลดรายจ่าย ขณะเดียวกันยังลดสารเคมีที่ ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำด้วย ความเข้าใจใหม่ ๆ ในโลกธรรมชาตินี้ มิได้เกิดขึ้นในห้องเรียนที่เคร่งเครียด แต่มาพร้อมกับการเล่นสนุกและเก็บกินได้
การเดินทางมายัง อ.วังน้ำเขียว สามารถใช้บริการรถปรับอากาศหรือรถตู้ ระยะทางประมาณ 260 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเศษ จากนั้นสามารถหารถเช่าจากตลาดวังน้ำเขียว หรือตลาดกม.79 ให้ไปส่งยังชุมชน แต่การขับรถเองก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมีโอกาสได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของเส้นทางหมายเลข 304 กบินทร์บุรี – ปักธงชัย – นครราชสีมา ที่ผ่ากลางผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็นเขาใหญ่ มีเส้นทางที่คดเคี้ยวสูงชันช่วงหนึ่งระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 75 – 90
นอกจากบรรยากาศของรีสอร์ตต่าง ๆ ในอ.วังน้ำเขียวถือว่ามีอากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวข้างเคียงในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานที่มีความงดงามของผาเก็บตะวัน และน้ำตกที่สวยงาม ซึ่งสามารถรวมอยู่ในโปรแกรมของการท่องเที่ยวกับชุมชน
สำหรับร้านอาหาร มีให้เลือกหลากหลาย เน้นที่ผลิตภัณฑ์จากพืชผักอินทรีย์ ผลไม้ และเห็ดนานาชนิด ร้านครัวต้นไทร อยู่ที่ ต.ไทยสามัคคี ทางเดียวกับทางไปสวนลุงไกร เด่นที่ลาบเห็ด ต้มยำเห็ดรวม ครัวมิ่งไม้ เป็นอีกร้านที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะ ร้านกาแฟ มีให้เลือกมากมาย เช่น ร้าน ณ ศิริ แบล็กกยาร์ด คาเฟ่ มีทั้งกาแฟและอาหารไทย โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว และ 22°C Cafe
ร้านอาหารและร้านกาแฟ
ครัวต้นไทร โทร.08 9718 7944
คุณต๋อย โทร. 08 7483 2188
SUNSET LAGOON โทร. 08 9938 3539
ที่พัก
เนตรดาวรีสอร์ต โทร. 08 1639 3139
บ้านสวนสุขโข ฟาร์มสเตย์ วังน้ำเขียว โทร. 08 1914 4763
De Bua Valley Resort Wangnamkeaw โทร. 08 1718 1191
Nicslongstay โทร. 08 1699 8484
กระท่อมไม้ใจทิพย์ 36 จอหอ โทร. 08 9584 3417
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
คุณอินทร์ 081 068 6887
คุณรัตนาวดี 085 025 8447